หนังผี ระทึกขวัญ เรื่อง Winchester (2018) คฤหาสน์ขังผี


ประเภท : ชีวประวัติ , สยองขวัญ , แฟนตาซี
ผู้กำกับ : Michael Spierig
นักแสดงนำ : Finn Scicluna-O'Prey , Helen Mirren , Sarah Snook
วันที่ออกฉาย : 22 กุมภาพันธ์ 2018
ระยะเวลาของหนัง : 1h 39min 
เรื่องย่อหนัง : Winchester: The House That Ghosts Built หรือชื่อไทยว่า คฤหาสน์ขังผี เรื่องราวของบ้านตระกูล Winchester ที่ร่ำรวยจากการขายปืนให้กับทหารต่างๆ ทั่วโลก ชีวิตที่เหมือนจะมีแต่ความสุขและความร่ำรวยก็เกิดเหตุการณ์หายนะขึ้น เริ่มจาก แอนนี่ ผู้เป็นลูกต้องเสียชีวิตลงด้วยโรคร้าย ทำให้ ซาร่า ผู้เป็นแม่ต้องเสียสติและใช้เวลารักษานานกว่า 10 ปี ตามมาด้วยพ่อของสามีเธอ โอลิเวอร์ ก็ได้เสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน ทำให้ วิลเลี่ยมเข้ามารับกิจการต่ออย่างเต็มตัว แต่เท่านั้นยังไม่พอ สุดท้ายสามีสุดที่รักของเธอก็ได้ตายจากเธอไป ทำให้ ซาร่า กลายเป็นม่ายผู้โดดเดี่ยวบนกองมรดกนับล้าน ในที่สุดเธอก็ไปหาร่างทรงให้ช่วยติดต่อสามีของเธอ เธอจึงได้ทราบความจริงว่าวิญญาณที่ถูกฆ่าโดยปืนของครอบครัวเธอตามมาทวงแค้น ร่างทรงสามีจึงแนะนำว่าให้ต่อเติมบ้านไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด และวันใดเธอหยุด เธอจะต้องตาย!!!

คฤหาสน์ Winchester Mystery House มีความใหญ่แค่ไหน ??



จากบ้านเดียวหลังเล็กกายเป็นคฤหาสน์ 7 ชั้น 160 ห้อง รวมห้องนอน 43 ห้อง และห้องแต่งตัวที่มีห้องน้ำ 13 ห้อง ห้องใต้ดิน 2 ชั้น ห้องจัดเลี้ยง 2 ห้อง โถงรับแสงกว่า 10 โถง เตาผิงไฟ 47 เตา ปล่องไฟ 17 ปล่อง ลิฟต์ 3 ตัว บันได 40 แห่ง ประตู 950 บาน หน้าต่าง 1000 บาน

ตัวอย่างหนัง ดูหนังออนไลน์ ฟรี !!

ขอบคุณข้อมูลจาก movie.thaiware.com

Hellraiser : Judgment แม้หนังจะเอื่อย แต่ก็ยังคงมีเสน่ห์อย่างน่ามหัศจรรย์

หนังสยองขวัญดังในอดีตหลายเรื่องกลับมาในรูปแบบบลูเรย์/ดีวีดีและวิดีโอออนดีมานด์ “Hellraiser : Judgment” ก็เป็นหนึ่งในนั้น หนังเป็นเรื่องราวของตำรวจนักสืบสามคน ที่ขณะตามล่าฆาตกรต่อเนื่องคนหนึ่งก็หลุดเข้าสู่เขาวงกตของเหล่าอสูรนรกที่รอตัดสิน พิพากษา และลงทัณฑ์มนุษย์



ซึ่ง “Hellraiser : Judgment” เป็นภาคสิบของหนังชุดนี้ ผลงานภาพยนตร์ระดับตำนานในวงการหนังที่การันตีถึงความสุดสยอง จากฝีมือการกำกับและเขียนบทโดย “Gary J. Tunnicliffe” ผู้เคยเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง “Hellraiser : Revelations” ในปี 2011 และ นักแต่งหน้าเทคนิคพิเศษที่แต่งหน้าให้เหล่าปีศาจนรกมาหลายภาค ควบคุมการสร้างโดย “Michael Leahy” อำนวยการสร้างโดย “Dimension Films” และเผยแพร่โดย “Lionsgate Films”


 


โดยเรื่องราวใน “Hellraiser : Judgment” เล่าถึงคดีฆาตกรรมเหยื่อหลายรายอย่างต่อเนื่องและโหดเหี้ยมเกินกว่าจะเป็นฝีมือของมนุษย์ ทำให้เจ้าหน้าที่สืบสวน SeanCarter (รับบทโดย Damon Carney) และ David Carter (รับบทโดย Randy Wayne) น้องชายของเขา ได้ออกตามสืบหาความจริงว่าใครคือฆาตกร?

 
แต่กลับพบว่าเหตุการณ์สุดสะเทือนขวัญนี้ไม่ได้เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ แต่หากเป็นฝีมือของ “Pinhead” (รับบทโดย Paul T. Taylor จาก “Sin City”) ปิศาจที่เป็นผู้นำของเหล่าปิศาจจากขุมนรกหรือ “Cenobite” พวกมันจะปรากฏขึ้นก็ต่อเมื่อมีใครมาบิดกล่องรูบิค “Lemarchand’s box” และจะมอบความทรมานยิ่งกว่าการตกนรกให้แก่ผู้ที่เรียกมันออกมา โดยภาคนี้ถึงแม้ว่าการดำเนินเรื่องจะเรื่อยๆเอื่อยๆในช่วงต้น แต่มันก็ยังมีจุดที่ทำให้หนังสามารถทำให้คนดูสนุกและตื่นเต้นได้อยู่เรื่อยๆ แอบขนลุกอยู่ตลอดเวลา ส่วนบทหนังก็ไม่ได้แย่ ยังมีกลิ่นอายคลาสสิคของหนังภาคก่อนๆ อยู่



ขอบคุณข้อมูลรูปภาพจาก https://www.google.co.th/search?q=Hellraiser+:+Judgment+2018&tbm=isch&source=lnms&sa=X&ved=0ahUKEwj-uu2lgrbZAhUGJJQKHVHzAuMQ_AUICigB&biw=1920&bih=943&dpr=1

รีวิว Unbeatable (AKA Ji Zhan) หนังปี 2013


หากพูดถึงหนังฮ่องกง Unbeatable แล้ว ส่วนใหญ่นั้นมักจะเป็นแนวหนังเกี่ยวกับตำรวจไล่ล่ามาเฟียที่ฮิตมาตั้งแต่ Infernal Affair ตั้งแต่ภาคแรกจนมาถึงภาคที่ 3 รวมทั้งหนังฮิตอย่าง Firestorm ที่กระแสบวกท่วมท้นกับความมันส์ที่หนังมอบให้ แต่ยังมีหนังเล็กๆเรื่องนึงที่สามารถสร้างปรากฏการณ์รายได้หนังจนไปติดอันดับ 3 รายรับรวมตลอดทั้งปี 2013

หนังฮ่องกง

นั่นก็คือ Unbeatable (AKA Ji Zhan) เมื่อพูดถึงหนังเรื่องนี้ที่กลายเป็นกระแสที่กวาดทั้งรายได้แล้วยังไม่พอ หนังยังมีดีขนาดกวาดรางวัลมาหลายรางวัลเลยทีเดียว เมื่อมาเห็นตัวหนังในครั้งแรก ความรู้สึกมันก็คงเหมือนหนังทั่วไปๆ ประเด็นที่ว่าชกมวยคล้ายๆ Warrior ที่อยู่ในลูกกรง

แต่กลับกลายเป็นว่า หนังนั้นมีครบรสชาติขนาดที่เรียกว่าเข้มข้นพอสมควร สิ่งที่ยอดเยี่ยมก็คือ การแสดงหลัก ที่ต้องบอกว่า เขาเกิดมาเพื่อบทนี้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงทั้งฝ่ายชายและหญิง ต่างคนต่างไม่ยอมแพ้ และให้การแสดงที่เรียกว่าเกินคาดไปไม่น้อย อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ บทภาพยนตร์

แม้พล็อตจะดูธรรมดาไปหน่อย แต่น่าแปลกใจที่กลับทำออกมาได้น่าลื่นไหลและเป็นธรรมชาติ แม้จะเป็นหนังดราม่าก็ตาม การลำดับของตัวหนังทำเป็นไปตามสูตร 123 ไม่ได้มีอะไรที่แปลกใหม่ แต่สำหรับหนังฮ่องกงถือว่า สดใหม่อยู่ไม่น้อย การตัดต่อ รู้สึกว่าอาจมีบางช็อตที่ทำให้รู้สึกวนไปวนมาทำให้เนื้อเรื่องเหมือนอยู่กับที่ แต่เมื่อเข้าสมรภูมินรกในกรง การตัดต่อในส่วนนี้สามารถบีบเค้นอารมณ์ให้กับผู้ชมได้ไม่น้อย

สรุปว่า Unbeatable คือหนังฮ่องกงอีกเรื่องที่คุณไม่ควรพลาด แม้พล็อตหนังจะธรรมดามาแบบตามสูตรแต่ก็ไหลลื่นจนเป็นธรรมชาติ มีครบทุกรสชาติ แต่เนื้อหาจะเน้นไปทางดราม่ามากกว่า ถือเป็นหนังร่วมทุนระหว่างเกาะฮ่องกงกับจีนที่ทำออกมาได้อย่างไม่ขายหน้า และชี้ให้เห็นว่าอุตสาหกรรมหนังของประเทศนี้กำลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดด

รีวิวหนัง Mom and Dad คือความสุดโต่ง (ในทางที่ไม่ควร) 

Mom and Dad เป็นหนังสำหรับคอหนังโหดโรคจิตจากประเทศอังกฤษ ที่ได้รับเสียงวิจารณ์ในเรื่องของความจิตวิปริต และความอำมหิตแบบสุดวิตถาร ของครอบครัวหนึ่ง ซึ่งชื่นชอบในการทรมานและจำลองบทบาทสมมุติให้เหยื่อแต่ละคนเป็นลูก ๆ ใครก็ตามที่สามารถสนองความต้องการสุดวิปริตของพ่อและแม่ได้ก็จะมีชีวิตอยู่ต่อไป

แม่ และ พ่อ

ส่วนคนที่ขัดขืนไม่ฟังคำสั่งไม่เชื่อฟัง ผลลัพท์ที่ได้ก็คือตายสถานเดียว หนังเริ่มต้นที่ “ลีน่า” หญิงสาววัยรุ่นน่ารักที่ได้แยกจากครอบครัวของตัวเอง มาทำอาชีพประจำคือพนักงานทำความสะอาดในสนามบินแห่งหนึ่ง ซึ่งที่นั่นเธอได้พบกับเพื่อนอีกคนหนึ่งที่ชื่อว่า “เบอร์ดี้”

หลังจากที่ทำความรู้จักและพูดคุยกันไปได้สักพัก เบอร์ดี้ก็แนะนำให้ลีน่าได้รู้จักกับพี่ชายของเธออีกคน ซึ่งมาคอยรับส่งเบอร์ดี้ทุก ๆ วัน แต่ทว่าวันหนึ่งลีน่าเกิดขึ้นรถประจำทางกลับบ้านไม่ทัน เบอร์ดี้จึงอาสาชวนลีน่าให้ไปพักที่บ้านของเธอเอง ซึ่งพ่อแม่ของเธอจะยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีเพื่อน ๆ มาเยี่ยมที่บ้าน

ลีน่าตอบตกลงไปโดยที่ตัวเองไม่รู้เลยว่า กำลังมุ่งหน้าสู่ขุมนรกโลกันตร์ที่เต็มไปด้วยความทรมาน และการฆ่าไม่ต่างไปจากนรกบนดิน แทบจะทันทีที่ลีน่าก้าวเข้าสู่ตัวบ้าน เธอถูกเล่นงานจากข้างหลังและถูกจับขึงพืดเอาไว้กลางห้อง ลีน่าถูกใช้เป็นเครื่องสนองตัญหาและความจิตวิปลาสของครอบครัวนี้ ซึ่งมีพ่อและแม่จอมโหดอำมหิตเป็นผู้นำ

เธอถูกทรมานดวยวิธีการต่าง ๆ นา ๆ มากมายและยากที่จะหนีรอดออกไปได้ ถึงแม้เนื้อเรื่องจะไม่มีอะไรมาก ใช้ตัวแสดงกันแค่ไม่กี่คน แต่ก็น่าดูน่าสนใจและชวนให้คนดูติดตามได้ตลอดทั้งเรื่อง ส่วนหนึ่งต้องชมนักแสดงนำของเรื่องอย่าง Olga Fedori เด็กสาววัยรุ่นชาวยูเครนที่รับบทเป็นลีน่า รวมไปถึงนักแสดงที่เล่นเป็นพ่อและแม่ แต่ละคนเล่นได้ดีจริง ๆ ดูแล้วทั้งป่วยจิต สยองปนลุ้นระทึกไม่ใช่น้อยเลย

Terra Formars ภารกิจล้างพันธุ์นรก ของผู้กำกับ Takashi Miike 


Terra Formars ได้รับเลือกฉายในเทศกาลหนังนานาชาติ Fantasia จากมังงะเรื่องดัง ทั้งด้านตัวเนื้อหาที่โหดสะใจ และด้านยอดขายที่ทำไปแล้วกว่า 15 ล้านเล่มทั่วโลก อีกทั้งยังได้รับการดัดแปลงสู่ฉบับซีรีย์อนิเมชั่น

Terra Formars
สำหรับเรื่องราวใน Terra Formars จะเป็นแนวแอคชั่น Sci-Fi ว่าด้วยการต่อสู้บนดาวอังคารในโลกอนาคต ระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์และแมลงสาบกลายพันธุ์ ที่โคตรแข็งแกร่งและโหดมาก ภารกิจปราบเหล่าแมลงสาบจึงถือกำเนิดขึ้น โดยความร่วมมือระหว่างกลุ่มนักฆ่าและนักวิทยาศาสตร์ ผู้คิดค้นสารที่ช่วยให้มนุษย์สามารถกลายร่างต่อสู้กับแมลงสาบกลายพันธุ์ได้

ซึ่งในฉบับภาพยตร์นี้ มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดต่างจากฉบับดั้งเดิมหลายอย่างด้วยกัน แต่ยังคงไว้ซึ่งพล็อตเรื่องเดิม และมีการเสริมทัพนักแสดงญี่ปุ่นชุดใหญ่ มารับบทตัวละครจากฉบับการ์ตูนนี้ นำทีมโดย Hideaki Ito ในบทของ “กัปตันโชคิจิ” พระเอกของเรื่อง ร่วมด้วยนักแสดงอีกคับคั้ง ทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่

ไม่ว่าจะเป็น Shun Oguri, Mariko Shinoda, Emi Takei หรือแม้แต่ Tomohisa Yamashita ก็มาร่วมรับบทในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เรื่องราวในภาพยนตร์เป็นการพูดถึงเนื้อหาของ Terra Formars ในเล่ม1 ของฉบับมังงะ กับการเผชิญหน้าของกลุ่มนักวิจัยติดอาวุธในโครงการ Bugs 2 กับเหล่าแมลงสาบกลายพันธุ์ ในโลกอนาคต ช่วงศตวรรษที่ 21 ภายหลังจากการส่งแมลงสาบและพืชไปยังดาวอังคาร เพื่อปรับสภาพพื้นผิว สำหรับใช้เป็นที่อาศัยของมนุษย์ในอนาคต

แต่แล้วเมื่อระยะเวลาผ่านไป 500 ปี ใน ค.ศ.2599 กลับพบว่าแมลงสาปที่ส่งไปได้เกิดกลายพันธุ์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความแข็งแกร่งยิ่งกว่ามนุษย์ ตลอดจนยังได้ฆ่าเหล่าทีมนักวิจัยที่ไปเยือนอย่างเป็นมิตร และทยอยล้มตายมากขึ้นเรื่อยๆ สงครามข้ามเผ่าพันธุ์จึงเกิดขึ้น ฝ่ายมนุษย์จึงได้คิดค้นสารเพื่อเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมมนุษย์ให้มีความสามารถเช่นแมลงต่างๆ สำหรับต่อสู้กับเผ่าพันธุ์แมลงสาบได้ราบคาบจงได้

รีวิว หนังเรื่อง The Houses October Built 2 หนังแฟรนไชน์ รีวิวให้อ่านฟรี


The Houses October Built 2 ถือว่าเป็นหนังที่รู้จักพอประมาณในหมู่นักดูหนังสยองขวัญ เพราะมีการทำออกมาหลายฉบับ และเรื่องราวก็เข้ากับวัฒนธรรมช่วงวันฮาโลวีนของหนุ่มสาวอเมริกัน โดยฉบับแรกทำออกมาในปี 2011 ก่อนที่ทีมงานเดิมจะเอามารีเมคในปี 2014

The Houses October Built 2
และสำหรับเรื่องที่กำลังจะพูดถึงนี้ก็คือภาคต่อจากฉบับรีเมคนั่นเอง เรื่องราวของหนังภาคแรก ว่าด้วยเพื่อน ๆ กลุ่มหนึ่งที่ชอบยกแก๊งขับรถกันไปตระเวนตามบ้านผีสิงต่าง ๆ ที่มีคนจัดขึ้นในช่วงวันฮาโลวีน ตอนแรกก็สนุกดี แต่ไป ๆ มา ๆ พวกเขาชักรู้สึกไม่ชอบมาพากล ราวกับว่าความสยองของบ้านบางหลังมันตามมาหลอกหลอนพวกเขา

หรือไม่ก็รู้สึกเหมือนมีใครก็ไม่รู้ตามพวกเขามา ตอนจบของภาคแรกลงเอยด้วยการที่พวกเขาโดนจับฝังดิน พอมาถึงภาคนี้ หนังก็เฉลยว่าพวกเขารอดมาได้ แต่กระนั้นพวกเขาบางคนก็ยังคงรู้สึกหลอนและผวากับเหตุที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังจัดทริปไปตระเวนบ้านผีสิงกันอีกครั้งเพื่อสู้กับความกลัว

แต่ครั้งนี้ แน่ใจหรือว่าจะไม่มีเรื่องบ้า ๆ หรือเรื่องสยองอื่นใดตามมารังควานชีวิตพวกเขาอีก? “The Houses October Built 2” กำกับโดย Bobby Roe ที่ทำหนังเรื่องนี้มาทุกภาค แต่กระแสตอบรับในภาคนี้กลับออกแนวติดลบอยู่พอสมควร

ส่วนหนึ่งคงเพราะจริง ๆ ตอนจบภาคแรกมันก็น่าจะพอแล้ว แต่ภาคนี้ดันเฉลยในแนวว่า "แค่คนแกล้งกัน" เท่านั้น มันเลยเหมือนคลายความหลอนและมนต์ขลังของภาคแรกลง และภาคนี้ก็ยังพยายามต่อยอดเรื่องราวออกไป แต่แทนที่จะทำให้ดูลึกลับ กลับกลายเป็นการออกทะเลมากกว่า

หนังเรื่อง Oldboy ของผู้กำกับ Park Chan-wook

 Oldboy คือ หนังระดับตำนานสัญชาติเกาหลีเรื่องหนึ่ง ตำนานในระดับที่สามารถคว้า GrandPrix & Palme d'O รางวัลเกียรติยศสูงสุดของ Cannes Film Festival รวมถึงกวาดเสียงนักวิจารณ์และคว้ารางวัลในเทศกาลหนังต่างๆได้มากมาย
หนังเรื่อง Olsdboy

เท่านั้นยังไม่พอฮอลลีวูด ยังขอซื้อเรื่องนี้ไป Remake ใหม่ ออกมาเป็น OldBoy (2013) แต่ก็ได้รับเสียงชื่นชมไม่ดีนัก เมื่อเปรียบเทียบกับต้นฉบับที่กลายเป็นหนังขึ้นหิ้งในใจของผู้ชมไปแล้ว OldBoy กำกับโดย Park Chan-wook ผู้กำกับมือมือฉมังจากเกาหลี มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับ “โอ แท-สึ” ชายหนุ่มผู้พบว่าตัวเองอยู่ในห้องแห่งหนึ่ง โดยไม่รู้ว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรและทำอะไรผิด

ด้วยความซวยเขาโดนกักขังเต็มๆถึง15ปี ทำให้จิตไม่ปกติ พอครบ15ปี เขาถูกปล่อยตัวออกมาโดยไม่รู้ตัว เขาได้พบกับหญิงสาวผู้หนึ่งที่ชื่อว่า “มิโด” มิโดได้ช่วยเหลือเขาและเขาก็ได้ตามล่าหาความจริงว่าทำไมเขาถึงถูกขังนาน15ปี รวมถึงตามแก้แค้นคนที่ทำลายชีวิตเขาทุกอย่างอย่างสาสม

หนังเป็นแนวสืบสวน ระทึกขวัญ ดราม่าแต่ก็มีฉากแอ็คชันเข้ามาผสมผสาน มีลักษณะแบบ Neo-Noir film คือ เป็นหนังที่เน้นใช้โทนมืดทั้งเรื่อง เพื่อเล่นเกี่ยวกับจิตใจด้านมืดของมนุษย์ ในส่วนอารมณ์หนัง หนังเค้นอารมณ์เราได้อยู่หมัดและยิ่งผ่านไปเรื่อยๆ หนังยิ่งเค้นอารมณ์คนดูขึ้นไปอีก ประกอบกับบดขยี้ใจคนดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนถึงช่วงท้ายของหนัง ก็แทบจะระเบิดคนดูเป็นจุล ลุ้นและเครียดเส้นเลือดขึ้นหน้า หายใจไม่ทั่วท้องในขณะที่เราค่อยๆรับรู้ความจริงของโอ แท-สึ

พอถึงจุดพีคหนัง หนังก็ชกหน้าเราจนชา ขยี้จิตใจเราจนแหลกสลายได้อย่างงดงามสมบูรณ์ นอกจากสไตล์การดำเนินเรื่องที่โดดเด่นแล้ว หนังยังมีเทคนิคหนังและการกำกับภาพที่แปลกโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร และยังใช้สัญลักษณ์นามธรรมบางอย่างแทนที่จะสื่อเนื้อหาตรงๆ ทำให้หนังมีชั้นเชิงในการเล่าเรื่องสูง ซึ่งปกติการใช้เทคนิคพวกนี้ มักจะไปอยู่ในหนังนอกกระแสที่ดูยากๆ แต่สำหรับ OldBoy มีสิ่งที่เป็นหนังนอกกระแสอยู่ครบถ้วน แต่สามารถคุมอารมณ์ได้เหมือนกับเราดูหนังฮอลลีวูดชั้นดีเรื่องหนึ่ง




อ่านรีิวิว The Priests หนังของผู้กำกับ Jang Jae-hyun

The Priests หนังผีที่มีกระแสตอบรับที่ดี ซึ่งเป็นเรื่องราวของ “ยองชิน” (พัคโซดัม) เด็กสาวมัธยมได้ประสบอุบัติเหตุรถชนในคืนวันหนึ่ง หลังจากนั้นเธอก็ทุกข์ทรมานจากการเป็นโรคลึกลับอย่างหนึ่ง

หนังผี

“บาทหลวงคิม” ( คินยูนซอก ) ได้รับข่าวว่ายองชินประสบอุบัติเหตุ จึงไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาล และแน่ใจว่ายองชินถูกปีศาจร้ายสิงร่างอย่างแน่นอน เขาจึงไปขอความเชื่อเหลือจากโบสถ์คริสตจักรในการจัดเตรียมพิธีกรรมไล่ผี

เขาต้องการผู้ช่วยในการทำพิธีกรรมครั้งนี้ แต่บาทหลวงในโบสถ์ทั้งหลายต่างพากันปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือ นักศึกษาคริสตจักร ( คังดองวอน ) ได้รับเลือกให้เป็นผู้ช่วยบาทหลวงคิมในการทำพิธีกรรมครั้งนี้ พวกเขาเหลือเวลาเพียงวันเดียวเท่านั้นที่จะช่วยชีวิตยองชินจากปีศาจร้ายได้

ภาพยนร์เรื่องนี้เป็นหนังสยองขวัญคล้าย ๆ คอนเจอริง แต่ผีที่สิงสเกลใหญ่กว่ามาก เป็นปีศาจในพระคัมภีร์อยู่มาเป็นพัน ๆ ปี ช่วงต้นเรืองจะแอบเนีอย ๆเพราะต้องปูเรืองเยอะ แต่พอเลยกลางเรืองไปเข้าสู่พิธีไล่ผีคือพีคมาก ๆ และที่ต้องชมเลยคือ การแสดงของนักแสดงนำทั้งสาม พัคโซดัมแสดงได้ดีจิง ๆ เธอดูน่ากลัวมากและดูน่าสงสารในคนเดียวกัน เพราะทั้ง “คังดองวอน” และ “คิมยุนซอก” เรียกได้ว่าเป็นนักแสดงสายภาพยนต์ที่มีรางวัลการันตี ดังนั้นเรื่องฝีมือไม่ต้องห่วง ส่วนพล็อตเรื่องก็แนวปราบผีฉบับศาสนาคริสต์ แต่ที่ชอบคือลำดับภาพในเรื่องที่ให้คนดูได้มีอารมณ์ลุ้น ฉากรถชนกระหน่ำที่มาแนวหนังแอคชั่นเลยทีเดียว ภาพสวยโปรดักชันดี บ้านยองชินน่ากลัวจิงบรรยากาศหลอน ๆ และฉากจบก็เร้าใจมาก

Review Movie : Isabella 2011

Isabella เป็นภาพยนตร์ดราม่าที่น่าประทับใจ และได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์เป็นอย่างมาก จนได้รับรางวัลภาพยนตร์เรื่อง "Silver Bear" สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในงาน Berlin Filmfestspiele นอกจากตัวภาพยนตร์ที่น่าประทับใจแล้ว เพลงประกอบก็ยังยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน


ดูหนัง Isabella
โดยหนึ่งในเพลงประกอบของ Peter Kam ได้เข้าชิงรางวัล Academy Award อีกด้วย หากคุณได้ฟังซาวด์แทร็กอัลบั้มนี้ซ้ำบ่อยๆ อาจพบว่าตัวเองตกอยู่ในอารมณ์โดยไม่รู้ตัว แต่นั่นเป็นสิ่งที่คุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เนื่องจากผลงานอันงดงามเหล่านี้สวมควรที่จะได้รับฟังซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุกเพลงแฝงเสน่ห์อันน่าอัศจรรย์ที่ไม่อาจต้านทานได้ จากการใช้เครื่องดนตรีหลากและและกีต้าร์อะคูสติกผสมผสานกัน

เพลงทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องฝันและมหัศจรรย์มากๆ ที่ Peter Kam ภูมิใจนำเสนอผลงานอัลบั้มนี้ของเขา ไม่ว่าจะเป็นเพลง "Perhaps Love" ผลงานชิ้นเอกที่ติดหูคนฟัง แม้ในซีดีจะมีจำนวนเพลงค่อนข้างมาก และหลายเพลงก็ค่อนข้างสั้น อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ปัญหาเลยเสน่ห์ที่แท้จริงของเพลงประกอบ "Isabella" แผ่ซ่านไปด้วยกีตาร์ที่อบอุ่นและน่าเศร้า อย่างในเพลง "Echoes", "Isabella I, "Road" หรือ "To the Heavens"เพลงเหล่านี้จะห่อหุ้มคุณไว้ด้วยชั้นเสียงที่แสนสบาย ความชำนาญในการเล่นกีตาร์ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเสียงไวโอลิน "Voice of the Past" เป็นหนึ่งในเพลงไฮไลต์ในอัลบั้มนี้ เสียงเปียโนที่สดใสจะมาพร้อมกับไวโอลินซึ่งทำให้เพลงมีอารมณ์เศร้ายิ่งขึ้น

เช่นเดียวดับเพลง "Corpse" ที่มีเปียโนและกีตาร์เล่นคู่กัน ส่วนเพลง "She Stalks”, "Exploration" และ "Sleeping Beauty" เล่นในรูปแบบเดียวกัน ซึ่งมีเสียงแหลมของเชลโล่และการใช้เปียโนทำให้เรานึกถึงเพลง "In the Mood for Love" ของ หว่องกาไว นอกจากนี้ยังมีบทสนทนาที่แทรกอยู่ช่วงหนึ่งในอัลบั้ม ซึ่งเชื่อมโยงกับฉากในภาพยนตร์ หลายเพลงใช้การเล่นกีตาร์แบบโปรตุเกส อย่าง "Ripples" และ "New Beginnings" ในตอนท้ายซึ่งเน้นความเป็นมาของภาพยนตร์ / ซาวด์ภาษาโปรตุเกสอีกครั้ง หลังจากที่วัฒนธรรมโปรตุเกสทั้งหมดมีอิทธิพลอย่างมากต่อมาเก๊าอย่างที่ทุกคนรู้ และด้วยเหตุนี้จึงส่งผลในภาพยนตร์ด้วย

รีวิวหนัง เรื่อง Lucy 2014 ลูซี่ สวยพิฆาต

เรื่องย่อ : สาวน้อยธรรมดาชื่อ ลูซี่ ( Scarlett Johansson ) ถูกลักพาตัวไป โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้ตัวเธอเป็นสื่อในก­ารขนส่งตัวยาชนิดพิเศษ โดยนำยาซ่อนไว้ในท้องน้อยของเธอ แต่ระหว่างขนส่ง เธอถูกทำร้ายร่างกายอย่างสาหัสจนยาที่ถูกซ­่อนอยู่หลุดเข้าสู่ร่างกายของเธอ และมันได้เปลี่ยนตัวเธอเป็นยอดมนุษย์ที่มี­ความสามารถทางสมองเกินกว่ามนุษย์ธรรมดา เธอจึงได้ออกสืบหาเกี่ยวกับยานี้ และคนที่ทำกับเธอ พร้อมยังได้ศาสตราจารย์ทางสมอง ( Morgan Freeman ) คอยช่วยเหลือด้วย

ลูซี่

Lucy คือภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ผสมพุทธธรรม เพราะมันคือภาพยนตร์แอคชั่นปรัชญาที่เต็มไปด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ลึกซึ้งมากมาย ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเราว่า มนุษย์เกิดมาอาศัยอยู่ในมิติกาลเวลาเพื่อใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าและความทรงจำ จริงๆ แล้วหากเรานำช่องว่างระหว่างนิวเคลียสของอะตอม ( นิวตรอน โปรตอน อิเล็กตรอน ) ในร่างกายเราออก เราก็จะมีขนาดเล็กยิ่งกว่าฝุ่นธุลีไม่ต่างจากหลุมดำซึ่งเป็นซากที่สิ้นสลายของดาวฤกษ์ที่ถึงอายุขัยแล้ว สสารที่เคยประกอบกันเป็นดาวนั้นได้ถูกอัดตัวด้วยแรงดึงดูดของตนเอง จนเหลือเป็นเพียงมวลหนาแน่นที่มีขนาดเล็กยิ่งกว่านิวเคลียสของอะตอมเดียว ซึ่งเราเรียกว่าเอกภาวะ และเป็นคำตอบว่า จักรวาล โลกและเรา เชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวมาตั้งแต่แรก

เครดิต : มูฟวี่เดอะวัน
 
Copyright © 2015 หนังฟรี